วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข้อแนะนำ

ข้อแนะนำในการใช้สมาร์ทโฟน

         1.เน้นใช้การพูดคุยหรือข้อความสียงผ่านทางสมาร์ทโฟนแทนการพิมพ์ หากมีความจำเป็นจริงๆ ควรติดอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้ากับแป้นพิมพ์ผ่านคอมพิวเตอร์พีซี

         2.หลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟนนานๆ ควรใช้เท่าที่จำเป็น หากเลี่ยงไม่ได้ควรมีการบริหารนิ้วมือ ข้อมือ กล้ามเนื้อบ่าและคอรวมถึงหยุดพักสายตาจากการเพ็งหน้าจอ หรือใช้น้ำตาเทียมเพื่อไม่ให้ดวงตาแห้งเกินไป

       3.ควรใช้สมาร์ทโฟนให้เหมาะสมกับกาลเทศะ อย่าถึงขั้นเสพติด ขาดไม่ได้

         4.หากิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัว เพื่อนฝูง ไม่เก็บตัวอยู่คนเดียวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

           เมื่อวัยรุ่นไม่สามารถหนีห่างจากเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัวได้ จึงควรใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างชาญฉลาดและเหมาะสม เพื่อก่อให้เกิดคุณค่ากับตนเองและผู้อื่น เพราะทุกอย่างย่อมมีทั้งด้านดีและด้านเสีย ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะเลือกให้เป็นประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน





5 โรคฮิต

5 โรคที่มากับสมาร์ทโฟน

             1) โรคเศร้าจาก Fackbook  :  การศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกน พบว่า การใช้  Fackbook มากเกินไปอาจกลายเป็นการบั่นทอนความสุขและความพึงพอใจในการดำรงชีวิต เช่นโดดเดี่ยว เศร้า และเหงาหงอยมากขึ้นทั้งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ Fackbook เป็นเครื่องระบายความรู้สึกมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดความรู้สึกว้าเหว่

               2) ละเมอแชท (Sleep – Texting)  :  เป็นอาการชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการพิมพ์ข้อความแชทในมือถือของผู้ที่เข้าขั้น ติดอาการนี้จะเกิดขึ้นในขณะหลับ และเมื่อได้ยินเสียงข้อความส่งมา ร่างกายและระบบประสาทจะตอบสนองด้วยการหยิบมือถือมาแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไปในทันที

             3) โรควุ้นในตาเสื่อม  :  โรคนี้เกิดขึ้นจากการใช้สายตาที่มากจนเกินไป โดยปกติแล้วในสมัยก่อนโรคนี้ส่วนมากจะพบในผู้สูงอายุ อาการสำคัญ คือเวลามองจะเห็นภาพเป็นคราบดำๆ คล้ายหยากไย่ ซึ่งการตรวจสอบจะมองเห็นได้ชัดเจนในที่ๆ เป็นพื้นที่สีสว่างๆ เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ผนังห้องขาวๆ ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ จะทำให้เกิดอาการปวดตา และมีปัญหาด้านสายตาในที่สุด

             4) โนโมโฟเบีย (Nomophobia)  :  เป็นโรคหวาดกลัวการไม่มีมือถือใช้ติดต่อสื่อสาร รวมถึงความเครียดเมื่อมือถืออยู่ในจุดอับสัญญาณจนติดต่อใครไม่ได้ ซึ่งจัดเป็นโรคกลัวทางจิตเวช เพราะมีอาการวิตกกังวลหรือกลัวเกินกว่าปกติ แสดงอาการด้วยการหยิบสมาร์ทโฟน ขึ้นมาเช็กอยู่ตลอดเวลา

             5) สมาร์ทโฟนเฟซ (Smartphone face)  :  เป็นโรคที่เกิดจากการก้มลงมองและจ้องไปที่สมาร์ทโฟนมากจนเกินไป ทำให้เกิดการยืดของเส้นใยอิลาสติกบนใบหน้าทำให้แก้มบริเวณกรามเกิดการย้อยลงมา ส่วนกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากจะตกไปทางคาง สาเหตุมาจากการนั่งก้มหน้ามองสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอและเพิ่มแรงกดบริเวณแก้ม




วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผลกระทบ

ผลกระทบจากสมาร์ทโฟน


             ในด้านบวก สมาร์ทโฟนถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างบุคคลสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ทันทีเมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟนสามารถทำงานต่างๆในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับคอมพิวเตอร์เพราะฉะนั้นจึงสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนั้นสมาร์ทโฟนยังมีระบบจีพีเอสในการค้นหาเส้นทางและบุคคลอีกด้วย




          ในด้านลบ สมาร์ทโฟนคือสิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างลดลงจนถึงขั้นห่างเหินจนแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน เวลาส่วนใหญ่มักหมดไปกับการจดจ่ออยู่กับหน้าจอ สมาร์ทโฟนยังส่งผลกระทบต่อร่างกายอีกด้วยทั้งเรื่องเกี่ยวกับดวงตา นิ้ว ทางด้านจิตใจ และอีกมากมาย ทั้ผลการเรียน การทำงานก็ย้ำแย่ลง สร้างความเครียดสะสมตามมาอีก นอกจากนั้นยังทำให้บุคลิกภาพเสียอีกด้วย


ลักษณะที่บ่งบอกว่าติดสมาร์ทโฟน

ลักษณะของผู้ที่ติดสมาร์ทโฟน

      วัยรุ่นที่ใช้สมาร์ทโฟนมักตื่นสายและมีอาการอ่อนเพลียในตอนเช้า  หมดความสนใจในกิจกรรมรอบตัว มักอารมณ์เสียง่ายเมื่อพ่อแม่แสดงความกังวลเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนของพวกเขา ถึงขั้นอาจนำไปสู่การโต้เถียงกัน มักรู้สึกหงุดหงิดหรือหดหู่เวลาที่ไม่ได้เล่นสมาร์ทโฟน และอาการเหล่านี้มักหายไปเมื่อพวกเขาได้เล่นสมาร์ทโฟน มีพฤติกรรมก้าวร้าวเวลาพ่อแม่สอดส่องพฤติกรรมการเล่นสมาร์ทโฟนของเขา และโต้เถียงพ่อแม่บ่อยขึ้น  จะเริ่มขาดสมาธิระหว่างทำสิ่งต่างๆ โดยไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องจนเสร็จ ชอบเปิดดูสมาร์ทโฟนเพื่อเล่นเกมส์หรือทำอย่างอื่นระหว่างทำการบ้านและกิจกรรมอื่นไปด้วย



สาเหตุติดสมาร์ทโฟน

สาเหตุที่วัยรุ่นติดสมาร์ทโฟน


       อาจแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก

         สาเหตุแรกคือ การหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) ภายหลังเมื่อได้ทำกิจกรรมแปลกใหม่นั่นคือ การเล่นสมาร์ทโฟน สารที่ว่านี้จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ทำพฤติกรรมเดิมซ้ำ ทำให้เกิดวงจรการเล่นสมาร์ทโฟนจนติดเป็นนิสัยขึ้น เพราะเวลาเล่นสมาร์ทโฟน เด็กวัยรุ่นจะมีความรู้สึกพึงพอใจ เมื่อไม่ได้เล่นสมาร์ทโฟนก็มักหงุดหงิดหรือเซื่องซึมได้ 



         ส่วนสาเหตุที่สองคือ สิ่งต่างๆที่อยู่ในสังคมออนไลน์ที่ดึงดูดให้วัยรุ่นเสพติด ทั้งแอพพลิเคชั่นมากมาย เว็บไซต์ต่างๆนาๆ การติดต่อสื่อสารแบบไร้พรมแดน ที่ปัจจุบันมีรูปแบบในการสื่อสารแตกต่างกันออกไปตามแต่ล่ะความคิดของบุคคลที่ติดตั้งขึ้นมา ทั้ง Fackbook Twitter Line Chat และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีวัยรุ่นบางส่วนที่ใช้สมาร์ทโฟนเพราะค่านิยมของบุคคลส่วนใหญ่อีกด้วย






ผลการสำรวจ

ผลการสำรวจและผลการศึกษาเกี่ยวกับผู้ใช้สมาร์ทโฟน

      สมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น รวมไปถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟน หลากหลายยี่ห้อ ทำให้จำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากรายงานในปี ค.ศ. 2012 พบว่าวัยรุ่นอเมริกัน ร้อยละ 37 มีสมาร์ทโฟนใช้ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี ค.ศ.2011 กว่าร้อยละ 23 และมีถึงร้อยละ 95 ใช้บริการอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือของตน เช่นเดียวกันกับประเทศเกาหลี การใช้สมาร์ทโฟน ในเด็กและวัยรุ่น เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 7.5 ในปี ค.ศ.2009 เป็นร้อยละ 67 ในปี ค.ศ.2012
      พฤติกรรมของคนสมัยใหม่ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างประเทศ ต่างให้ความสนใจกับสมาร์ทโฟนมากกว่าสิ่งรอบข้าง โดย InsightExpress บริษัทผู้วิจัยตลาดในสหรัฐฯ ได้การวิจัยสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนของนักศึกษาและคนทำงานตั้งแต่อายุ 18-30 ปี และการสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรฝ่ายไอทีในอุตสาหกรรมต่างๆรวมทั้งสิ้น 3,600 คนใน 18 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย
      โดยผลการสำรวจเผยว่า วัยรุ่นยุคใหม่หรือที่เรียกกันว่า คนรุ่น Gen Y มีการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อดูอัพเดตข่าว และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ก่อนจะลุกจากเตียงสูงถึง 90% ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราสูงถึง 98%   นอกจากผลสำรวจเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนก่อนลุกจากเตียงแล้ว ยังมีผลสำรวจในประเทศไทยที่น่าสนใจแบ่งย่อยออกไปอีก ดังนี้

         - ในวัยรุ่นไทย 9 ใน 10 คนระบุว่าใน 1 วัน พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนนับ
      ครั้งไม่ถ้วน
         - 91% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะ รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจาก ชีวิตหากไม่เช็คสมาร์ทโฟน
         - 100% ของผู้ตอบแบบสอบถามเช็คสมาร์ทโฟนบนเตียงนอน
         - 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้สมาร์ทโฟนในห้องน้ำ
         - 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้สมาร์ทโฟนเพื่อส่งข้อความ เช็คอีเมล์ หรือโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คก่อน และหลังระหว่างรับประทานอาหาร
        - 100% ในวัยรุ่นชี้ว่าแอพพลิเคชั่นบนมือถือมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิต
        - 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตนเองใช้เวลาในการติดต่อกับเพื่อนผ่านโลกออนไลน์ มากกว่าการพูดคุยเป็นการส่วนตัว
        - 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์เฟสบุคตลอดเวลา


              การศึกษาในเด็กวัยรุ่น 195 คน โดยให้วัยรุ่นกลุ่มนี้ทำแบบทดสอบพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน 2010 Smart-phone Addiction Rating     Scale (SARS) และ The Young Internet Addiction Scale (YIAS) และแบบทดสอบ Youth Self Report (K-YSR) เพื่อประเมินอาการทางจิต   และปัญหาด้านพฤติกรรม จากผลการทดสอบพบว่าในวัยรุ่นแต่ละราย    มีคะแนนจากแบบทดสอบทั้งสามไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นได้ทำการแบ่งกลุ่มวัยรุ่นออกเป็นสี่กลุ่มตามพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน ดังนี้   
            1) low Internet/low smartphone (low-low) users
                 2) high Internet/high smartphone (high-high) users
                 3) low Internet/high smartphone (low-high) users
                 4) high Internet/low smartphone (high-low) users

                  ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนต่ำ
        มีคะแนนจากแบบทดสอบทั้งสามต่ำกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในทางตรงกันข้ามกลุ่มที่มีการใช้อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนสูง มีคะแนนจากแบบทดสอบสูงกว่ากลุ่มอื่น
                 จากแบบทดสอบยังพบว่าในกลุ่มนี้มีอาการผิดปกติ เช่น อาการลงแดงหากไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน มีปัญหาทางการคิด มีอาการซึมเศร้าหรือกระวนกระวาย สมาธิสั้น และมีอารมณ์ฉุนเฉียวมากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งมีโอกาสส่งผลต่อการเข้าสังคมและพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของวัยรุ่นได้